วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

สมุนไพร

สมุนไพร
    สมุนไพร หมายถึง พืชที่มีสรรพคุณในการรักษาโรค หรืออาการเจ็บป่วยต่าง ๆ การใช้สมุนไพรสำหรับรักษาโรค หรืออาการเจ็บป่วยต่างๆ นี้ จะต้องนำเอาสมุนไพรตั้งแต่สองชนิดขึ้นไปมาผสมรวมกันซึ่งจะเรียกว่า "ยา" ในตำรับยา นอกจากพืชสมุนไพรแล้วยังอาจประกอบด้วยสัตว์และแร่ธาตุอีกด้วย เราเรียกพืช สัตว์ หรือแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบของยานี้ว่า "เภสัชวัตถุ"พืชสมุนไพรบางชนิด เช่น เร่ว กระวาน กานพลู และจันทน์เทศ เป็นต้น เป็นพืชที่มีกลิ่นหอมและมีรสเผ็ดร้อน ใช้เป็นยาสำหรับขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ พืชเหล่านี้ถ้านำมาปรุงอาหารเราจะเรียกว่า "เครื่องเทศ" ในพระราชบัญญัติยาฉบับที่ 3 ปีพุทธศักราช 2522 ได้แบ่งยาที่ได้จากเภสัชวัตถุนี้ไว้เป็น 2 ประเภทคือ
1. ยาแผนโบราณ หมายถึง ยาที่ใช้ในการประกอบโรคศิลปะแผนโบราณหรือในการบำบัดโรคของสัตว์ ซึ่งมีปรากฏอยู่ในตำรายาแผนโบราณที่รัฐมนตรีประกาศ หรือยาที่รัฐมนตรีประกาศให้เป็นยาแผนโบราณ หรือได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนตำรับยาเป็นยาแผนโบราณ
2. ยาสมุนไพร หมายถึงยาที่ได้จากพืชสัตว์แร่ธาตุที่ยังมิได้ผสมปรุงหรือแปรสภาพสมุนไพรนอกจากจะใช้เป็นยาแล้ว ยังใช้ประโยชน์เป็นอาหาร ใช้เตรียมเป็นเครื่องดื่ม ใช้เป็นอาหารเสริม เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง ใช้แต่งกลิ่น แต่งสีอาหารและยา ตลอดจนใช้เป็นยาฆ่าแมลงอีกด้วย ในทางตรงกันข้าม มีสมุนไพรจำนวนไม่น้อยที่มีพิษ ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีหรือใช้เกินขนาดจะมีพิษถึงตายได้ ดังนั้นการใช้สมุนไพรจึงควรใช้ด้วยความระมัดระวังและใช้อย่างถูกต้อง ปัจจุบันมีการตื่นตัวในการนำสมุนไพรมาใช้พัฒนาประเทศมากขึ้น สมุนไพรเป็นส่วนหนึ่งในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนิน โครงการ สมุนไพรกับสาธารณสุขมูลฐาน โดยเน้นการนำสมุนไพรมาใช้บำบัดรักษาโรคใน สถานบริการสาธารณสุขของรัฐมากขึ้น และ ส่งเสริมให้ปลูกสมุนไพรเพื่อใช้ภายในหมู่บ้านเป็นการสนับสนุนให้มีการใช้สมุนไพรมากยิ่งขึ้น อันเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยประเทศชาติประหยัดเงินตราในการสั่งซื้อยาสำเร็จรูปจากต่างประเทศได้ปีละเป็นจำนวนมาก

กระเจี๊ยบแดง

กระเจี๊ยบแดง
กระเจี๊ยบแดง เป็นพืชสมุนไพรที่เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 36 ศอก ลำต้นและกิ่งก้านมีสีม่วงแดง ใบมีหลายแบบด้วยกัน ขอบใบเรียบ บางทีก็มีรอยหยักเว้า 3 หยัก สีของดอกเป็นสีชมพู ตรงกลางดอกมีสีเข้มมากกว่าขอบนอกของกลีบ กลีบดอกร่วงโรยไป กลีบรองดอกและกลีบเลี้ยงก็จะเจริญเติบโตขึ้นอีกเกิดเป็นสีม่วงแดงเข้มหุ้มเมล็ดเอาไว้ภายใน
      การขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ดปลูก ควรปลูกในหน้าฝน พรวนดินก่อนปลูก ขุดหลุมปลูกหลุมละ 2-3 เมล็ด ระยะห่างของหลุมประมาณ ½-1 เมตร พอต้นอ่อนงอกออกมาแล้ว ให้ถอนต้นที่อ่อนแอกว่าออกไปเอาต้นที่แข็งแรงไว้ รดน้ำ ใส่ปุ๋ย พรวนดิน กำจัดวัชพืชออกให้หมด
กระเจี๊ยบแดงยังมีชื่อเรียกอื่นอีก ได้แก่ ภาคเหนือ เรียก ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง เงี้ยว แม่ฮ่องสอนเรียก ส้มปู จังหวัดตาก เรียก ส้มตะแลงเครง ภาคกลาง เรียก กระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบเปรี้ยว

     น้ำกระเจี๊ยบ

กระเจี๊ยบแดงสามารถนำไปทำเป็นเครื่องดื่มแก้กระหายได้ นอกจากนี้น้ำกระเจี๊ยบสามารถใช้ทดสอบสารอาหารที่มีโปรตีนได้ โดยอัตราส่วน 1:2 ซึ่งสีแดงของน้ำกระเจี๊ยบจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงหรือสีอื่น

ปลาช่อน

                                              ปลาช่อน
      ปลาช่อน ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Channa striata อยู่ในวงศ์ปลาช่อน (Channidae) มีส่วนหัวค่อนข้างโต รูปร่างทรงกระบอกยาว ครีบหางเรียวปลายมน ปากกว้าง ภายในปากมีฟันเขี้ยวบนเพดาน ลำตัวสีคล้ำอมมะกอกหรือน้ำตาลอ่อน มีลายเส้นทแยงสีคล้ำตลอดทั้งลำตัว 6 - 7 เส้น ด้านท้องสีจางตัดกับด้านบน ครีบสีคล้ำมีขอบสีเหลืองอ่อน ครีบท้องจาง มีขนาดลำตัวประมาณ 30 - 40 ซ.ม. ใหญ่สุดได้ถึง 1 เมตร โดยปลาช่อนชนิดนี้มีความพิเศษไปกว่าปลาช่อนชนิดอื่น ๆ คือ สามารถแถกไถตัวคืบคลานไปบนบกเพื่อหาที่อยู่ใหม่ได้ รวมทั้งสามารถหลบอยู่ใต้ดินในฤดูฝนแล้งเพื่อรอฝนมาได้เป็นแรมเดือน โดยสะสมพลังงานและไขมันไว้ ที่เรียกว่า "ปลาช่อนจำศีล" พบอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำทั่วประเทศไทย พบไปจนถึงเอเชียใต้ พม่าและอินโดนีเซีย นิยมนำมาบริโภค ปรุงเป็นอาหารไดดหลากหลายทั้งสดและตากแห้ง เป็นปลาน้ำจืดเศรษฐกิจที่สำคัญจนอาจเรียกได้ว่าเป็นปลาน้ำจืดเศรษฐกิจอันดับหนึ่ง เลี้ยงได้ทั้งในบ่อและกระชังตามริมแม่น้ำ นอกจากนี้ยังนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามด้วย โดยเฉพาะตัวที่สีกลายเป็นสีเผือกหรือปลาที่พิการตัวสั้นกว่าปกติ
ปลาช่อนในบางพื้นที่ เช่น ที่จังหวัดสิงห์บุรี ขึ้นชื่อมาก ที่เรียกว่า "ปลาช่อนแม่ลา" มีประเพณีพื้นถิ่นคือเทศกาลกินปลา
ปลาช่อน มีชื่อเรียกตามภาษาถิ่นในแต่ละภาคว่า "หลิม" ในภาษาเหนือ "ค้อ" หรือ "ก๊วน" ในภาษา อีสาน เป็นต้น

แกงไตปลา

แกงไตปลา 

          เครื่องปรุง
1.                          กะปิ
2.     ปลาย่าง
3.     พุงปลาที่หมักได้ที่แล้ว
4.     น้ำ เกลือ น้ำตาล ใบมะกรูด มะนาว
5.     ผักสด เช่น มัน ฟักทอง มะเขือเทศต่างๆ หน่อไม้
6.      เครื่องแกงมีพริกแห้ง หอม กระเทียม ตะไคร้ ข่า พริกไทย ขมิ้น นำมาโขลกให้ละเอียด
         วิธีทำ
1.      นำพุงปลามาทำให้สะอาดโดยเอาขี้ปลาออกให้หมด
2.     นำพุงปลาที่สะอาดแล้วมาซาวด้วยเกลือพอประมาณ
3.     นำพุงปลาซาวเกลือใส่ขวดแก้วหรือใส่กระปุก ปิดฝาให้มิดชิดทิ้งไว้ 3-4 สัปดาห์
4.     เปิดออกดูจะได้กลิ่นหอมเปรี้ยว นำไปแกงได้ชนิดของพุงปลา
     * พุงปลาช่อนนำมาทำเป็นไตปลา ให้รสชาติหอมมันอร่อยมากที่สุด พุงปลากระดี่ ภาษาพื้นบ้านเรียกว่า ขี้ดี ให้รสชาติขมหอมอร่อยมาก   พุงปลาโดยทั่วไปจะทำจากปลาทูหรือปลารัง *
           วิธีปรุง
1.      นำพุงปลาตั้งไฟให้เดือด เทกรองเอาเฉพาะน้ำ เติมน้ำตามสมควรตั้งไฟให้เดือด
2.     ใส่เครื่องแกง เดือดได้ที่เติมเครื่องปรุง น้ำตาล น้ำมะนาว กะปิ
3.     ใส่ปลาย่าง ผักสด

ขนมปากหม้อญวน

ขนมปากหม้อญวน

      ส่วนผสม : แป้งข้าวเจ้า ๑ ๑/๒ ถ้วย, แป้งมัน ๑ ช้อนโต๊ะ, เกลือป่น ๑ ช้อนชา, น้ำ ๒ ถ้วย, หอมแดงซอย ๑/๒ ถ้วย, หม้อสำหรับทำข้าวเกรียบปากหม้อ, ผ้าขาวบาง, เชือกสำหรับผูก
      ส่วนผสมไส
: เนื้อหมูบด ๑ ถ้วย, ต้นหอมซอย ๑ ถ้วย, กระเทียมสับ ๑/๒ ช้อนโต๊ะ, เกลือป่น ๑ ช้อนชา, น้ำตาลทราย ๑ ช้อนชา, พริกไทยป่น ๑ ช้อนชา, น้ำมันหอย ๒ ช้อนโต๊ะ, น้ำมันพืช ๑ ช้อนโต๊ะ
      ส่วนผสมน้ำจิ้ม สูตร ๒ : พริกแดงสับ ๑ ถ้วย, กระเทียมดองบด ๑ ถ้วย, น้ำตาลปีบ ๑ ก.ก., น้ำมะขามเปียกข้น ๔ ถ้วย, น้ำ ๕ ถ้วย, ถั่วลิสงคั่วโขลกหยาบ ๑/๒ ถ้วย, เกลือป่น ๑/๒ ถ้วย
       วิธีทำ : ก่อนอื่นเริ่มด้วยทำน้ำจิ้ม โดยใส่ส่วนผสมทั้งในหม้อ ตั้งไฟ พอเดือดช้อนฟองทิ้ง เคี่ยวจนน้ำตาลละลาย ปิดไฟ ยกลง พักไว้ ตักใส่ถ้วยโรยถั่วลิสง ต่อจากนั้นทำแป้งข้าวเกรียบปากหม้อ เริ่มจากร่อนแป้งข้าวเจ้า แป้งมันใส่ลงอ่างผสม ใส่เกลือ และค่อย ๆ ใส่น้ำนวดจนหมด พักไว้ เอาน้ำมัน ๑/๒ ถ้วยใส่กระทะ ตั้งไฟ พอร้อน ใส่หอมลงเจียวจนเหลือง ตักขึ้นใส่ถ้วย แล้วตักน้ำมันออกให้เหลือประมาณ ๒ ช้อนโต๊ะ จึงใส่กระเทียมลงไปผัดจนมีกลิ่นหอมและเหลือง ตามด้วยใส่เนื้อหมูผัดพอสุก ใส่น้ำตาล น้ำมันหอย เกลือ และพริกไทยป่น ใส่ต้นหอมอันดับสุดท้าย ผัดให้เข้ากัน ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย พักไว้ นำผ้าขาวบางไปแช่น้ำ ๑ คืนให้ชุ่มน้ำ นำผ้ามาขึงปากหม้อใช้เชือกผูกให้แน่น เจาะรูด้านข้างให้ไอน้ำออก ใส่น้ำลงในหม้อ ๓/๔ ของหม้อ ตั้งไฟให้เดือดพล่าน ตักแป้งที่ผสมไว้ละเลงให้ทั่ว ปิดฝาไว้สักครู่ พอแป้งสุก ตักไส้ใส่ประมาณ ๓ ช้อนโต๊ะ ใช้ไม้พายตะล่อมแป้งให้พัดปิดไส้ ตักใส่จาน โรยด้วยหอมเจียว รับประทานกับน้ำจิ้ม